วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

สมุนไพ

โครงงาน
  สารสกัดจากพืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
ประเภทโครงงาน
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการเรียนรู้

สมาชิกในกลุ่ม 
 ด.ช.สมประสงค์  สุดาดวง   ม.3/1  เลขที่ 2
                                                     ด.ช.ประพันธ์      ภู่นวล      ม.3/1  เลขที่  3
                                                     ด.ช.ณัฐพล          แซ่ฟาม   ม.3/1  เลขที่  10


อาจารย์ที่ปรึกษา
ครู กนิษฐา  หมั่นกิจการ  

รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ    ภาคเรียนที่ปีการศึกษา  2557
โรงเรียนเสนานิคม   สำนักงานเขตจตุจักร
กรุงเทพมหานคร








คำนำ
โครงงานวิทยาศาสตร์ในครั้งนี้เป็นโครงงานเรื่องสารสกัดจากพืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ โดยทางกลุ่มผู้จัดทำได้ไปทำการศึกษาเรื่องนี้มาอย่างโดยละเอียด และก็เก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆทั้งหมด มานานแล้ว เพื่อที่จะให้ผู้ที่สนใจจะศึกษาว่าโครงงานเล่มมีความน่าสนใจมากน้อยเพียงใด และจัดทำเพื่อให้ได้มีผู้ศึกษาในเรื่องนี้
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง  สารสกัดจากพืชสมุนไพร เป็นโครงงานที่เกี่ยวกับการทดลองนำสมุนไพรมาใช้ในการบำรุงผิวพรรณของร่างกายเรา ให้ร่างกายเราสดชื่อ  ผิวพรรณขาว สวย ซึ่งเห็นว่าคนสมัยนี้ไม่สนใจในเรื่องของการเอาพืชสมุนไพรมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ  และสังคมเมืองมองค่าของพืชสมุนไพรอย่างไม่เห็นคุณค่า  และหันไปสนใจเครื่องบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารเคมีเป็นส่วนมาก  ผู้จัดทำได้ไปทำการศึกษา  เก็บรวบรวมข้อมูล  และรายละเอียดต่าง    ในเรื่องนี้อย่างมากมาย  อาทิ  ไปหาหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องพืชสมุนไพร จากการค้นคว้าทางอินเทอร์เน็ต  การไปสอบถามจากผู้รู้  เช่น  พ่อแม่  เพื่อน  เป็นต้น
ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงงานเรื่องนี้จะเป็นแนวทางในการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรและนำสมุนไพรเข้ามาในประโยชน์  ใช้แปรรูปหรือประยุกต์ในชีวิตมากขึ้น และสามารถนำไปใช้ในเรื่องต่างๆ ได้ดี  มีคุณค่ามากที่สุด ขอขอบคุณอาจารย์ศักดิ์ชัย  ไชยรักษ์ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง  พ่อแม่  เพื่อนๆ  และผู้ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งมา ณ โอกาสนี้
ผู้จัดทำได้จัดทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่และจริงจังเป็นอย่างมาก  โครงงานเรื่องสารสกัดจากพืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ที่ผู้จัดทำได้จัดทำขึ้นนี้  ผู้ที่ได้อ่านคงจะได้นำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างมาก และสามารถใช้ในการศึกษา  ใช้ในการค้นคว้าเพิ่มเติมต่อไปได้ไม่มากก็น้อย





   


    บทคัดย่อ 
ในการจัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์  เรื่องสารสกัดจากพืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ในครั้งนี้ เพื่อศึกษาการใช้สมุนไพรจากธรรมชาติที่สามารถหาและปลูกได้เองตามท้องถิ่นเพิ่มมูลค่าและประโยชน์ให้แก่สมุนไพร เนื่องจากปัจจุบันประชาชนทั่วไปหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาสุขภาพหรือความสวยงาม และยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องตระหนักถึงและในปัจจุบันนี้ในผลิตภัณฑ์มีการปนเปื้อนของสารเคมีมากจนเกินไปและการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆเหล่านี้ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยต่างๆ
ผู้จัดทำโครงงานจึงคิดและทดลองทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิว พอกผิว ที่สกัดจากสมุนไพรธรรมชาติเพื่อสุขภาพขึ้น โดยมีส่วนผสมของพืชสมุนไพรคือ วานหางจระเข้ ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณทางยาคือ เป็นยาเย็นและทั้งยังรักษาโรค สมานแผล ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เป็นต้น นอกจากนี้ว่านหางจระเข้ยังปลูกและหาได้ง่ายตามชุมชนท้องถิ่นทั่วไปทนต่อทุกสภาพอากาศ ตายยาก
นอกจากว่านหางจระเข้ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญแล้วยังมี่พืชสมุนไพรอีก 3 ชนิดได้แก่ ขมิ้น ดอกอัญชัน และมะขามเปียกแล้วยังเพิ่มดินสอพองลงไปในส่วนผสมอีกเพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้น โดยผสมส่วนต่างๆด้วยอัตรา 1:1 ด้วยการนำวานหางจระเข้มาฝานเป็นชิ้นเล็กๆแล้วบดพอละเอียดเทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วนำสมุนไพรที่เตรียมไว้มาบดละเอียดเติมน้ำเล็กน้อยแล้วกรองเอาแต่น้ำเหลวลงในว่านหางจระเข้และผสมดินสอพองลงไปด้วยคนให้เข้ากันแล้วบรรจุใส่กระปุกตามต้องการเราสามารถนำผลิตภัณฑ์นี้ไปใช้ได้ตามต้องการสมุนไพรมีสรรพคุณที่ช่วยถนอมผิวและบำรุงผิวไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ
และจากสมบัติดังกล่าวทำให้เราสามารถที่จะนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาใช้ได้ในทุกๆด้าน มาเป็นตัวช่วยในการปรับปรุงคุณภาพทางผลิตภัณฑ์ และอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดโครงงานครั้งนี้คือ ทางผู้จัดทำมีความคิดที่จะพัฒนาปรับปรุงสมุนไพรที่มีตามท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้กับวิทยาศาสตร์ และในวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตและการเรียนรู้  ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของอาจารย์ศักดิ์ชัย  ไชยรักษ์ ที่ได้ให้คำแนะนำและแนะชี้แนวการปฏิบัติต่างๆในเรื่องสมุนไพรท้องถิ่น เพื่อเป็นการสร้างสรรค์ผลงานที่ดีต่อผู้จัดทำมากขึ้น


      

ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
วิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่คนทุกคนมองภาพว่าเป็นวิชาที่เกี่ยวกับการทดลองต่างๆ การประดิษฐ์      การสังเกต  มีความยากและซับซ้อนมาก มีการทำการทดลองต่างๆ เพื่อให้มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้น  ในหลายๆ ด้าน  ทั้งทางด้านเทคโนโลยี  ด้านคมนาคม  ด้านความปลอดภัยของมนุษย์  ด้านความรักสวยรักงามของมนุษย์เป็นต้น  อีกทั้งวิทยาศาสตร์ยังจะช่วยในการทำให้ร่างกายเราดูดีขึ้น  สามารถลดหรือช่วยลดเวลาความแก่ได้ด้วยหลักการ   วิธีการและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์บนโลกของเรา  สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากวิทยาศาสตร์ทั้งนั้น  ซึ่งมีทั้งโทษและประโยชน์แก่มวลมนุษย์ในโลกยุคปัจจุบันนี้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปในหลายด้าน  และทั้งด้านเทคโนโลยี  ด้านเกษตรกรรม  อุปโภคบริโภค  และยังรวมไปถึงด้านความสวยความงามของมนุษย์เรา  ซึ่งนับว่าเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตประจำวันมนุษย์มากขึ้น  มีการผลิตเครื่องสำอางเพื่อเสริมความสวย  ความดูดี   เป็นที่ดึงดูดใจผู้คนให้มาหลงใหลในตัวเอง  นับปัจจุบันนี้มีการผลิตขึ้นหลายชนิด  หลายอย่าง  หลายยี่ห้อแข่งขันกันออกมาเพื่อให้ผู้คนสนใจที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ของยี่ห้อตนเอง  ด้วยเหตุนี้เองเครื่องสำอาง  เครื่องบำรุงบำรุงผิวจึงต้องมีการผลิตเพิ่มมากขึ้นและใช้ส่วนผสมที่มีสารเคมีมากด้วย  ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเราในอนาคตเมื่อเราแก่ตัวลง
พืชสมุนไพร  ที่มีตามท้องถิ่นมีคุณค่าทางโภชนาการและต่อร่างกายเราเป็นอย่างมาก อาทิ ทั้งทางยารักษาโรค  ใช้ทา  ใช้ต้มกิน  และมีสรรพคุณมากมาย  ด้านผิวพรรณความสวย  ใช้ทา  พอกผิว  เพื่อให้ผิวพรรณร่างกายดี ขาว ใส นุ่มนวล แต่คนในสมัยนี้ไม่ค่อยที่จะเห็นคุณค่าและเห็นประโยชน์ในตัวของสมุนไพรท้องถิ่นบ้านเรามากเท่าไรนัก กลับหันไปสนใจกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารเคมีเป็นส่วนผสมอยู่ทำให้เสี่ยงต่อการที่จะเป็นอันตรายต่อเรา  ซึ่งจะเป็นผลทำให้ร่างกายผิวพรรณเราเป็นมะเร็งผิวหนังมากขึ้นเมื่อเรามีอายุมากขึ้น
ทางผู้จัดทำจึงได้ไปศึกษาค้นคว้าหาส่วนประกอบต่างๆและส่วนผสมของสมุนไพรแต่ละชนิดทั้งว่านหางจระเข้  ขมิ้น  ดินสอพอง  และมะขาม หาสรรพคุณที่อยู่ข้างใน  เพื่อที่จะนำมาทำการทดลองหาประโยชน์ของสมุนไพรเหล่านี้  ซึ่งพบว่าในสมุนไพรที่นำมาทดลองมีส่วนผสมต่างๆ ที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์มากมาย  และยังช่วยดูแลผิวพรรณของเราให้มีสุขภาพดียิ่งกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารเคมีผสมหรือปนเปื้อนอยู่มาก  โดยจะใช้ว่านหางจระเข้ทดลองกับสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดนี้ เพื่อที่จะทำผลิตภัณฑ์ครีมขัดผิวและครีมพอกผิวจากพืชสมุนไพรที่ทำการทดลอง
สารสกัดจากพืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ เป็นโครงงานที่จัดทำขึ้น โดยอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์ กล่าวคือ ถ้าสมมุติฐานว่าเราใช้กรดที่อยู่ในน้ำอัดลมมาใช้ทดลองในการรินน้ำอัดลมลงในโถส้วมทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วกดชักโครก จะมีกรดบางชนิดในน้ำอัดลมจะล้างคราบสกปรกในโถส้วมได้สะอาด  การใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำอัดลมแล้วนำมาถูบริเวณที่เปิดจุกขวดนานๆ หลายนาทีแล้วจุกขวดจะบิดเปิดง่าย แล้วจึงนำมานำเสนอ
        จุดประสงค์
1. เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องบำรุงผิวที่มีสารเคมีปะปนอยู่
2. รู้และเข้าใจในการนำสมุนไพรมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น
3. อธิบายถึงวิธีการทดลองนำสมุนไพรมาใช้เป็นครีมบำรุงผิว พอกผิวได้
4. บอกความแตกต่างของเครื่องสำอางที่มีสารเคมีกับสารสกัดสมุนไพรเพื่อสุขภาพได้
5. เพื่อเพิ่มมูลค่าของพืชสมุนไพรให้เพิ่มขึ้น
        สมมติฐาน
ตัวแปรต้น
- ว่านหางจระเข้
ตัวแปรตาม
- ดินสอพอง
                ตัวแปรควบคุม
- ขมิ้น
- มะขาม
1. สมุนไพรว่านหางจระเข้สามารถพอกผิวในร่างกายเราได้
2. ขมิ้น มะขาม และดินสอพองสามารถเป็นครีมขัดผิวเพื่อสุขภาพได้
                เมื่อนำว่านหางจระเข้มาทำการทดลองกับสมุนไพรชนิดอื่น เช่น ขมิ้น  มะขาม  เป็นต้น  แปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์พอกผิว  และขัดผิว  มีประสิทธิภาพการใช้งานดีพอเท่าๆ กับเครื่องบำรุงผิวที่มีสารเคมีปนอยู่  สามารถใช้ได้จริง 
             

  


 ขอบเขตด้านเนื้อหา
1. หนังสือพืชสมุนไพรที่เกี่ยวข้องกับขมิ้น ว่านหางจระเข้  มะขาม
2. สืบค้นข้อมูลการแปรรูปสมุนไพรและการทาครีมพอกผิวบำรุงผิว
3. ศึกษาเรื่องพืชสมุนไพรจากอินเทอร์เน็ต 


        วิธีการดำเนินงานโครงงาน
วิธีดำเนินงานโครงงาน  ผู้จัดทำได้กำหนดหัวข้อการดำเนินงานโครงงานตามลำดับดังนี้
1. เครื่องมือที่ใช้ในการทำโครงงาน
2. วัสดุ-อุปกรณ์
3. การเก็บรวบรวมข้อมูล
4. บุคลากร
5. วิธีดำเนินงาน
6. ตารางการปฏิบัติงาน
        เครื่องมือที่ใช้ในการทำโครงงาน
                1.กล้องถ่ายรูปแบบใช้โทรศัพท์มือถือ โดยใช้กล้องถ่ายรูปสมาชิกในกลุ่มใช้ในการถ่ายรูปวัตถุดิบ ขั้นตอนการทำ ของการทำการทดลองเพื่อที่จะได้มาถึงข้อมูล
                2. คอมพิวเตอร์ เมื่อเราได้ข้อมูลมาแล้ว เราก็นำข้อมูลที่ได้มาจัดเรียงใหม่ให้สมบูรณ์ โดยใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์ และแต่ละขั้นตอนของงานจะต้องแยกเป็นไฟล์ข้อมูลนั้น เช่น บทที่ 1 เมื่อเราพิมพ์เสร็จแล้วเราก็ต้องบันทึกเป็นเอกสาร 1 และบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องพอพิมพ์เสร็จแล้วเราก็บันทึกเป็นอีกเอกสารหนึ่ง เป็นต้น โดยที่ไม่ทำเป็นไฟล์เดียวกันเพราะว่าถ้าเราทำเป็นไฟล์เดียวกันแล้ว เวลาจะแก้ไขก็คงลำบากในการแก้ไข
      

  วัสดุ-อุปกรณ์
1. กะละมัง
2. ถ้วย/จานรอง
3. ช้อน
4. ซ้อม
5. มีด
6. กระปุกสำหรับบรรจุ
7. ผ้าขาวบาง
8. น้ำเปล่า
9. ว่านหางจระเข้
10. ขมิ้น
11. มะขามเปียก
12. ดินสอพอง
        การเก็บรวบรวมข้อมูล
1. การเก็บรวบรวมข้อมูลในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่องสารสกัดจากพืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ จากแหล่งที่เป็นข้อมูลต่างๆ  อาทิ อินเทอร์เน็ต  ห้องสมุดมหาวิทยาลัย  และจากผู้รู้เรื่องสมุนไพร
2. ศึกษาข้อมูลและเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเองจากแหล่งความรู้ที่คาดว่าจะเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญในการทำสารสกัดจากพืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ






วิธีการดำเนินงาน
ลำดับการปฏิบัติ
การปฏิบัติงาน
ผู้ปฏิบัติ
1
1.ได้ทำการแบ่งกลุ่มกันเพื่อที่จะทำโครงงาน
2.รวบรวมสมาชิกในกลุ่ม
3.คิดวางแผนการทำโครงงานต่างๆ ขั้นตอนการทำ โดยเริ่มงานดังนี้
-คิดหัวข้อที่จะทำโครงงาน
-เมื่อได้ชื่อโครงงานแล้วจึงควรที่จะเริ่มงานในขั้นต่อไป
-ประชุมหารือกัน และวางแผนการทำงานเป็นกลุ่ม ซึ่งแบ่งหน้าที่กันไปทำงานตามที่ได้มอบหมายไว้
-ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
ณัฐพล
2
-ตั้งสมมุติฐานของโครงงานที่ทำว่าถ้าเราทำแล้วผลที่เกิดขึ้นจะออกมายังไง 
-วิเคราะห์ข้อมูล  นำข้อมูลมาทำการวอเคราะห์ว่าน่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน  มีแหล่งข้อมูลที่สามารถอ้างอิงได้จริงหรือเปล่า
-นำข้อมูลที่ได้จากสมาชิกมารวบรวม
 ณัฐพล
3
-ทดการทดลองโครงงาน เริ่มลงมือปฏิบัติงาน
-ปฏิบัติงานตามที่ได้วางแผนไว้
 สมประสงค์
4
-เขียนผลการดำเนินงาน
-ทำรูปเล่มโครงงาน  เพื่อเสนอ
 สมประสงค์
5
-เตรียมการนำเสนอโครงงานสำหรับเสนอโครงงานตามที่ได้เตรียมตัวกันมา
-จัดนิทรรศการโครงงานวิทยาศาสตร์
-สรุปผลโครงงาน
 ประพันธ์
ผลการศึกษาค้นคว้า
จากการศึกษาค้นคว้าโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่องสารสกัดจากพืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ  ทำให้ได้รูปแบบและผลงานที่ดีเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปอีกแบบหนึ่งที่แปลกไปกว่าครีมบำรุงผิวทั่วไปทั่วมีส่วนผสมของสารเคมี  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในการทำโครงงานในครั้งนี้จะต้องอาศัยความสามัคคีของกลุ่ม ความพยายามที่จะเดินทางไปหาข้อมูลตามที่ต่างๆความอดทน ที่จะทำการทดลองในหลายๆ ครั้งเพื่อให้ได้ผลที่ดีที่สุด ตลอดจนความรู้เดิมทางวิชาวิทยาศาสตร์ที่เคยได้เรียนมาเป็นอย่างดี ส่วนในด้านของวัสดุ อุปกรณ์ ที่ใช้ นอกจากจะใช้ตามที่มีอยู่แล้วยังสามารถใช้สิ่งอื่นทำและแปรรูปในโครงงานได้อีกด้วย และวัสดุ - อุปกรณ์ในการทำโครงงานครั้งนี้พอเพียงที่จะทำโครงงานนี้มาก
สรุปผล
      จากผลการทดลอง  พบว่า
               ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาได้เมื่อทดสอบแล้วไม่ระคายเคืองต่อผิว  ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและผิวพรรณของเรา  มีกลิ่นที่หอม  เนื่องมาจากสมุนไพรที่ใช้และดินสอพองที่มีส่วนผสมของน้ำอบ  ให้ให้ทาแล้วกลิ่นไม่ฉุน  นอกจากนอกในตัวของครีมพอก  เมื่อพอกไว้แล้วล้างออกพบว่า  ผิวนุ่มชุ่มชื้น  ไม่แห้งกราน  ถนอมผิวได้ดี  ผิวไม่แห้งเพราะว่าว่านหางจระเข้ซึ่งเป็นยาเย็น  ทำให้ช่วยบำรุงผิวอีกยังทั้งตัวครีมไม่เหนียวด้วย
        ข้อเสนอแนะ
            1.   ข้อเสนอแนะในการนำผลการทดลองไปใช้
                       1.1. ผลการศึกษาพบว่า ควรจะมีการใช้วัตถุดิบหรือส่วนผสมที่มากขึ้น  มีการนำสมุนไพรชนิดอื่นมาใช้ทำในการทดลอง  และควรพัฒนาต่อยอดของโครงงานให้สามารถเป็นผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์
                       1.2. ตัวผลิตภัณฑ์ควรสามารถควรที่จะนำออกไปสู่ตลาดได้เหมือนผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
            2.  ข้อเสนอแนะสำหรับการศึกษาครั้งต่อไป
                       2.1. ต้องศึกษาวิธีการทำและวิธีการผลิตให้ละเอียดมากกว่านี้
                       2.2. ควรปรับปรุงผลิตภัณฑ์และศึกษาเพิ่มเติมในการทำต่อไปให้ดีมากกว่าที่ทำอยู่ในขณะนี้
จากการที่ดำเนินงาน โครงงานวิชาวิทยาศาสตร์(สารสกัดจากพืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ) ออกมานั้น ทำให้ได้ข้อเสนอคือ ควรที่จะมีการปรับปรุงในรูปแบบของการนำเสนอ การนำเสนอนั้นส่วนมากจะมีการนำเสนอที่เป็นแบบเก่าๆ ซึ่งเกิดความเบื่อหน่ายต่อผู้ที่ฟัง จึงควรที่จะมีการนำเสนอที่มีรูปแบบหลากหลาย ดึงดูดผู้ฟังๆได้มากๆ  และในการนำเสนอ เช่น ก็ควรที่จะมีวัสดุ อุปกรณ์ หรือการทดลองเพื่อให้ผู้ฟังได้เข้าใจมากขึ้น
        ประโยชน์
1. สามารถแปรรูปสมุนไพรที่มีในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์
2. มีรายได้เสริมจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ
3. ได้รับความรู้จากการทำโครงงาน ทั้งการผลิต การแปรรูป
4. เพื่อเพิ่มมูลค่าของพืชสมุนไพรให้เพิ่มขึ้น




โรคอ้วน

โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เรื่อง โรคเครียด
  

คุณครูที่ปรึกษา  คุณครู กนิษฐา หมั่นกิจการ


ชื่อผู้ทำโครงงาน
1.         โชคชัย               ไค่นุ่นสิงห์           เลขที่   4



1.       ที่มาและความสำคัญ
ปัจจุบันเทคโนโลยีสมัยใหม่พัฒนามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีทางการสื่อสาร เทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ เริ่มมีบทบาทในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ นั่นมีส่วนช่วยสนับสนุนสื่อทางด้านการศึกษาอีกด้วยโดยสื่อสมัยใหม่นิยมเป็นสื่อการเรียนผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เพราะ สะดวกรวดเร็วและเข้าถึงได้ง่าย
ดังนั้นกลุ่มของข้าพเจ้าจึงคิดทำโครงงานเกี่ยวกับการพัฒนาสื่อทางการศึกษาโดยได้รวบรวมข้อมูล เนื้อหาความรู้เกี่ยวกับโรคเครียด เนื่องจากปัจจุบันสังคมเปลี่ยนไปทำให้มนุษย์มีความอ้วน เพื่อเป็นประโยชน์กับบุคคลที่สนใจ
2.       วัตถุประสงค์ของโครงงาน

2.1       เพื่อศึกษาและพัฒนาเว็บไซต์ เรื่อง อ้วน
2.2       เพื่อเป็นสื่อทางการศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
2.3       เพื่อเป็นประโยชน์กับบุคคลที่สนใจทั่วไป

3.       ขอบเขตของการศึกษาโครงงาน    
   การศึกษาเรื่องของโรคอ้วน




บทคัดย่อ



     ''โรคความอ้วน''นี้เป็นโครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Education Media Development)ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้ คือ เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา ซึ่งผู้จัดทำจะใช้เว็บไซต์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง โรคความอ้วน เป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลาย โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ในหลายด้านไม่ว่า อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรือข่าวปัจจุบัน

เอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
            การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เรื่อง โรคความอ้วน  คณะผู้จัดทำได้ศึกษาค้นคว้าเสนอเอกสารที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
  โรคความอ้วน
       1.  ความหมายของโรคความอ้วน
            โรคความอ้วน หมายถึงสภาวะร่างกายที่มีไขมันสะสมไว้ตามอวัยวะต่างๆ มากจนเกินไป
       2.   สาเหตุของโรคอ้วน
           2.1 พันธุกรรม ถ้าพ่อแม่เป็นโรคอ้วน ลูกที่เกิดมาก็มีโอกาสเป็นโรคอ้วนสูง
           2.2 รับประทานอาหารมากเกินไป แล้วไม่มีเวลาออกกำลังกาย กล่าวคือ พลังงานที่ได้รับจากการ
รับประทานมากกว่าพลังงานที่ใช้ไปในการออกกำลังกาย เช่น ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันและแคลอรี่
สูง เช่น หนังไก่ทอด มันหมู หมูสามชั้น ขาหมู ครีม เค้ก ฯลฯ แล้วไม่ยอมหาเวลาว่างออกกำลังกายเพื่อ
ให้มีการใช้พลังงานที่ได้รับเข้ามา
          2.3 พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสมทำให้มีการใช้พลังงานต่ำ และทำให้เสียโอกาสใน
การทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายที่มีประโยชน์ต่อ สุขภาพ เช่น การจราจรติดขัดในกรุงเทพ ทำให้
คนส่วนใหญ่ต้องนั่งเฉยบนรถยนต์หลายชั่วโมงต่อวัน ลักษณะงานที่ต้องนั่งทำงานตลอดเวลา
พฤติกรรมชอบรับประทานอาหารจุกจิก เป็นต้น
         2.4 โรคบางชนิด เช่น Cushings Syndrome ซึ่งจะทำให้ร่างกายของผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้อ้วน
โดยสาเหตุของโรคนี้เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย จนทำให้อ้วนบริเวณใบหน้า ลำตัว
ต้นคอด้านหลัง แต่แขนขาจะเล็ก และไม่มีแรง ในกรณีนี้จะต้องรักษาที่ต้นเหตุคือ ฮอร์โมนที่มีความ
ผิดปกติจึงจะสามารถหายอ้วนได้









3.  พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคความอ้วน
        3.1. ไม่มีเวลากินข้าวเช้า 
3.2. ชอบกินอาหารบุฟเฟ่ต์
3.3. กินข้าวไม่เป็นเวลา
3.4. ชอบกินจุบกินจิบ
3.5. กินเหล้าเมายาเป็นกิจวัตร
3.6. กินข้าวเส็จเร็ว จนเคี้ยวไม่ละเอียด
3.7. ชอบกินอาหารสำเร็จรูป
3.8. ชอบกินอาหารรสจัด
3.9. เวลาเครียด สิ่งแรกที่นึกถึงคือของกิน
3.10. ชอบเสียดายของเหลือๆ     
3.11. ชอบนอนดึกตื่นสาย
3.12. กินข้าวเยอะ แต่กินผักน้อย
3.13. กินมื้อเย็นดึกๆ
3.14. กินมื้อเช้าน้อย 
3.15. ชอบกินขนมหวานหลังอาหาร
3.16. มีขนมเก็บในตู้เย็นมาก
3.17. มักจะใช้เครื่องทุ่นแรง
3.18. ขี้เกียจขยับตัวทำอะไร
3.19. ชอบกินเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ติดมัน
3.20. ชอบครีม น้ำตาล และของหวาน
3.21. ดื่มเหล้าก่อนนอน








 4.  โรคที่มาพร้อมกับความอ้วน


คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhMF8_JREXkKxGGmxTtPYnyTEzURr0ooTHPgnjzFILd6GEX2MJyht2mVk89vw-IxT_D6Hh35c5-lG89eiMPfhWEM74yLLRnHeEekGTO_jo9tU2ER8QrD85oJULebl4AUrMsUX3YpOjST3Y/s320/12.jpg

                4.1 ไขมันในเลือดสูง ซึ่งนำไปสู่ความผิดปกติของระบบอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าเม็ดไขมันไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ยิ่งหนามากขึ้นๆ ถนนของเจ้าเลือดก็เดินไม่สะดวกตามไป ก็เลือดต้องไปหล่อเลี้ยงเซลล์ทุกส่วนของร่างกาย และเราก็ขาดเลือดไม่ได้ แน่นอนจะมีปัญหาต่อสุขภาพตามมาอีกมาก ทั้งโรคหัวใจวาย ความดันโลหิตสูง เหนื่อยหอบ มึนงงบ่อยๆ เป็นลม เมื่อเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายไม่ดี เซลล์ก็เสื่อมโทรมลง อนุมูลอิสระก็เกิดเร็วขึ้น ทีนี้แหละ แก่เร็วอย่างเห็นได้ชัด

                                         คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh3eILJpruF35-CXVWlvJDcqwrS9C9fDjbQJebZvya_etMD_VlS5J6gKoWOTGeiHpL5HvBn_wry0LgSmn7rtC1pm0we21slZp_8JAaOlKQqrHf6nddPKbEVgDepRaQsaycurku7_NUDfjY/s400/1474927_602619423136370_691152421_n.jpg
            
                    4.2 ความดันโลหิตสูง   เมื่อไขมันเคลือบผนังหลอดเลือด บางจุดอาจตีบมาก หัวใจมีหน้าที่เหมือนปั๊มน้ำ ก็ต้องขับดันเลือดวิ่งไปให้ทั่วร่างกายทุกซอกทุกมุม เมื่อบางจุดโดนบีบให้แคบ แต่ร่างกายต้องการเลือด มันอาจออกแรงผลักดันเลือด อาจทำให้เส้นเลือดในสมองแตก ถึงแก่ชีวิต หรือพิการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhUfZEocbCQg3p3H93iF7ga1Zg9Fsoa4biSfvZWE8l9NdZpZTw4tyOOKqlWengu-RwpRK-G6ohirBcNcblqLQPufrtfnw6rVEKyPy-4bRYRmvnStQza5nn0Dy41f0jrWyMMMZ_P3ZjYizw/s320/bp+copy.jpg

                    4.3 โรคหัวใจและหลอดเลือด   เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของประเทศอุตสาหกรรม รวมทั้งประเทศไทยด้วย เนื่องจากไขมันไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบหรืออุดตัน หัวใจทำงานเพิ่มมากขึ้น ถ้าเป็นกับเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจก็ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด และหัวใจวาย

คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhV5UWxJPxtClbYzgmM96-IiLGd3b3CoTUtO80Ml845YFAEfURSz5ib-CYlSKFcKCT6Ifp_AR9c1w-toDrmN0zlWyBfLcv-30Wkv_RMRE-wniyMwMVNSelwitdc_hg0Lu4_DSF_teuVlMc/s320/problem2.jpg

                     4.4 โรคเบาหวาน   พบว่าคนไทยเป็นเบาหวานกันประมาณ 3 ล้านคน ลองคิดดูว่าไม่น้อย วันหน้าถ้ายังใช้ชีวิตเผอเรอ มีหวังได้เป็นเบาหวานด้วยอีกคน โรคนี้เป็นเพื่อนคู่ซี้กับโรคอ้วน ที่มักพบควบคู่กันเสมอ เบาหวานนั้นเพราะระบบควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายผิดปกติ เมื่อเป็นเบาหวานแล้ว ถ้าเกิดเป็นแผลก็มักรักษาไม่หาย กลายเป็นแผลเรื้อรัง บางทีก็เป็นแผลกดทับ ประกอบกับเสี่ยงต่อการติดเชื้อราง่ายขึ้น เพราะมีการอับชื้นของซอกแขน และซอกขามากกว่าปกติ

คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj7Z0ksSI3xbCg9RaMChlExpVtRRgonQ8Mbcryi6L4GLtnjCOIO_nXLrdFN5PpsB6P3BVfTL5D3kdVC2GmrSa2EPnykPOqwBaMgUwpR9dkVARz7Z1uPPaMPjP_P8nf7_d2t21SDKxRdvmM/s400/13.jpg

                4.5 โรคข้อกระดูกเสื่อม โดยเฉพาะข้อเข่าและข้อเท้า เนื่องจากต้องรับน้ำหนักตัวมากเกินพิกัด บางคนที่อ้วนมากๆ อาจจะยืนหรือเดินไม่ได้เลย เพราะข้อเท้าไม่สามารถรับน้ำหนักได้ คนอ้วนมากๆ จะเดินก็ลำบาก โยกเยกซ้ายขวา เดินไปเหนื่อยหอบไป

คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiWd5E-QEQ7mJ7meZ8ao6Xf6LgbsnN7hulTt0ViAg8ytt9FYe4TOBCjTQi1VQYeOa6ezTl5SJeDfeUUEPD7PJdyuVFibDPojWiGod6QLOCfuo2ln__0p1GhIJ0PxrjNqsLbpRGA1pE0Dr0/s320/14.jpg

                  4.6 โรคระบบทางเดินหายใจ   เนื่องจากในคนอ้วนมักมีการเคลื่อนไหวน้อย ชอบนั่งหรือนอน ปอดจึงขยายตัวไม่เต็มที่ ทำให้เกิดการติดเชื้อของทางเดินหายใจได้มากขึ้น บางครั้งถึงกับมีภาวะการหายใจลดลง หายใจติดขัด ทำให้มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คั่งในปอด คนอ้วนมากเหนื่อยง่าย ง่วงนอนตลอดเวลา อาจพบภาวะของโรคอารมณ์เศร้าหมองร่วมไปด้วยก็กิน ซึ่งอาจจะช่วยให้อารมณ์ช่วงนั้นดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการทำร้ายตัวเองมากยิ่งขึ้น

คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEghSsECC7Kxpo4V6UdOeS4vXiv19X3PC8Onfl17WcNa-7odnuit-ARNFIEtngkZ4OEhdZNNgSQBeu7LgJ8c6XtvgQ2u5TRiUYzaS1kQGoJFn7abVzjxIAuwIMfj4iNxAwcq1LJlYbxh7Qg/s320/15.jpg

                  4.7 โรคมะเร็งบางชนิด   คนอ้วนมีอัตราการเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ รวมทั้งโรคมะเร็งได้

คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjZKF0LNqIIrxh5RAozHTIIYGx6ePx6fuLPs1fkSj9FvMipl0Cg8wpQLdvQJh6yJT4O8t_iLdwGjgoeiS8WvHbmTZjAto-lS8VCqJM1rs3YP0K4y83RaV1QOdjvTYDJM_BrzQPW1uyyytM/s320/16.jpg

             4.8 โรคนิ่วในถุงน้ำดี และไขมันแทรกในตับ   เมื่อมีไขมันมาก การทำงานของตับก็ลดลง เพราะไขมันเข้าไปแทรกอยู่ จนทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี

คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEirk5f4_7KrwbE6EfVrD9F04xqTzOmt-3gB7PICFETj4RZMx_mnn4uzZHNr846BzxBXl5lw46qQSx36IJcpUObGRf-EfQ6Xq_7BSrBhjPirBOpCzKZyV1ZfwllYhWkr6_ArgGQYleh7Zrk/s320/18.gif

            จากการเสี่ยงต่อสุขภาพของโรคอ้วนที่กล่าวถึงข้างต้นอันมีมากมายหลายประการ จึงมีการศึกษาถึงอันตรายของโรคอ้วนถึงขนาดว่าคนอ้วนมีอัตราการเสียชีวิตแตกต่างจากคนรูปร่างปกติหรือไม่ ซึ่งจากการศึกษาก็พบว่าอัตราการเสียชีวิตของคนที่อ้วนมากมีสูงขึ้นถึง 2-12 เท่า ขึ้นกับอายุของแต่ละบุคคลแต่ถ้ากลุ่มประชากรที่อ้วนหรือน้ำหนักเกินสามารถลด น้ำหนักได้เพียง 5-10 % ของน้ำหนักตัวเริ่มต้นก็จะสามารถลดอัตราการพิการ และอัตราการตาย (morbidity and mortality rate) ได้ระดับหนึ่งทุกสิ่งทุกอย่างย่อมต้องมีความพอดี การมากหรือน้อยเกินไปอาจเกิดผลเสียได้มากกว่าผลดี "น้ำหนัก"

ก็เช่นกัน ถ้ามากเกินไป "อ้วน" ก็เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ มากมาย แต่ถ้าสามารถลดความมากเกินไปลงมาให้ใกล้พอดีได้ก็จะเกิดการลดอัตราการเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ แล้วคนที่มี "น้ำหนักเกิน" หรือ "อ้วน"สามารถรู้สาเหตุว่าเพราะอะไรจึงเกิดความมากเกินไปนี้ได้ โดยทั่วไปสาเหตุของ "อ้วน" มีหลายสาเหตุบางคนอาจเกิดจากสาเหตุเดียวหรือหลายสาเหตุประกอบกันก็ได้

                    5.  วิธีการป้องกัน และรักษาการเกิดโรคความอ้วนเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนเราควรปฏิบัติดังนี้
        5.1    กินผัก ผลไม้เยอะๆ เพราะนอกจากจะช่วยควบคุมน้ำหนักแล้ว ผักผลไม้ยังอุดมไปด้วยวิตามินที่มีประโยชน์ต่อความสวยของคุณ และช่วยลดระดับไขมันโคเรสเตอรอลอย่างได้ผลอีกด้วย

คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi73pnT3mN927t6VWBJW2gq6dfm1DEkUn0QJvX-fntQ67OUO1n3jmhRNx45lRxHLiRzVp0N1Gdq_a3BwSQ50u8ib8y6Y5kcaufqhOksE4fUE7IUJeramC6iU1emZQuXWfL7bKpW-vPzrCg/s320/19.jpg

          5.2    ถั่วและธัญพืช พันธมิตรของร่างกาย เช่น ข้าวกล้องงาถั่วต่างๆ , ลูกเดือย ซึ่งจะมีเส้นใยอาหารให้คุณอิ่มเร็วขึ้นแถมยังช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด และรักษาระดับโคเลสเตอรอลอีกด้วย 

คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYr_g23hTy03uEPHYIYKCZoHDL_nVtorq6xn9gJSTwiaawQFipcpQoOKRHbZjNvl3YRJr5AgkuXGY7uh5LjDvBehLyMtKaOUsgSPy4wZLzwjLbJjNqphymASppwSIjXoSgYJqyuZKbf0E/s320/20.jpg
           5.3   กินปลาสิ อันนี้ดีชัวร์ หรือ เนื้อสัตว์ไม่ติดมันเป็นประจำโดยเฉพาะเนื้อปลาซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็น โปรตีนชั้นดีและมีกรดไขมัน โอเมก้า 3 ที่ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง หรือปลาแซลมอน ปริมาณไขมันที่คุณ ควรรับประทานต่อวัน ไม่ควรเกิน 5-8 ช้อนชานะคะ และหากจะรับประทานสลัดก็ไม่ควรใส่น้ำสลัดมากกว่า 5 ช้อนชา 

คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjB4-AIwdlWDpAhQIOmXkRZ3NQ2waM2gO4vea8mxs4LQF4ws3EOTcg3neckO6Q3E7aPiXPaJCTotyS9ZVW-IY141Ar4Zc730hIVk2HjppWEtYW7NghZ5hl5Eb9ECleoJPaJa1Vb0CvjnNE/s320/22.jpg

             5.4    ลดของหวานๆ   ให้หวานน้อยหน่อย เช่น น้ำอัดลมน้ำหวานขนมหวาน หรือแม้แต่ผลไม้ที่มีรสหวานมากๆด้วย เพราะของหวานให้แต่พลังงาน ซึ่งหากรับประทานมากก็จะเกินความต้องการไปพอกพูนตามร่างกายของคุณให้อวบอ้วน

คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhhJyssCi_8cbgBTdRId9zRjIL7BgL-jOHAfAD8ZiKHUjDPE8IrqTlMu5l71JhzZ3uFh91OvBDjK2Xkyr2UKA2uqz3-EGXYkAV5423SbOnBcT6gqEQQhtZUcX6C0s3Edn3qMblADCBFyHU/s320/55.jpg

            5.5    เค็มจัดไป สงสารคุณไตนะ   โดยคุณควรรับประทานเกลือให้น้อยกว่า 6 กรัมต่อวัน หรือประมาณ 1 ช้อนชาต่อวัน 

คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgRIjlJa2ywOwD3NxbDYb2RPhWfxo1CiQW0hECz7DQDk_SwuEzthxM2KagqwNdHUKWX5h89NhUw8AHbJmccfiVuwS7bBEPkEqAARUjK8NVJx0IIOlaIICVzlYMV6viojgAzKYOwLy2npMU/s320/23.jpg
          

        5.6    งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์   โดยไม่ควรดื่มมากกว่า 1 แก้วต่อวัน เพราะนอกจากจะก่อโทษต่างๆแล้วยังมีแคลอรี่สูงอีกด้วย หากคุณรับประทานอาหารตามแนวทางนี้ จะทำให้คุณรักษารูปร่างให้สมส่วนได้อย่างยาวนาน ไร้ไขมันพอกพูนและสุขภาพดีไม่ผอม เหี่ยว ซีดเซียว ไร้เรี่ยวแรง จนดูโทรมมากกว่าสวยเสียมากกว่า

คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiyqDQbT4Gjvc7Y_l0Ao1b7jo6s0nslopCvJWbC4wg1ow-hp5Ya2A7TRQ4nANALGwKBiC1NIP2QCf4q91YHNL31b9g0RfVVqeuUbQUD59m8SZ-9gAdewAfgJYygxYFGDS3qK8-Ajsp-A6A/s320/66.jpg