วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

โรคเอดด์

โครงงานคอมพิวเตอร์

เรื่อง                                      
:               โรคเอดด์

กลุ่มสาระการเรียนรู้         
:               การงานอาชีพและเทคโนโลยี

ประเภทโครงงาน
:               โครงงานพัฒนาเพื่อการศึกษา

ผู้จัดทำ                                 
:               1.เด็กหญิงสกุณา                    บุญมีรอด
                2.เด็กหญิง
                               
ครูที่ปรึกษา                   
:              อาจารย์กนิษฐา                     หมั่นกิจการ



บทที่ 1
1.    ที่มาและความสำคัญ
                             เนื่องจากโรคเอดส์ในปัจจุบันมีการติดเชื้อได้ง่ายเช่น   การมีเพศสัมพันธ์   การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน   จากมารดาสู่ทารก   ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้ปัญหาตามมาคือการติดเชื้อ   HIV   เพราะปัจจุบันเชื้อมีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและมีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน      ปัจจุบันยังไม่มีตัวยาที่สามารถรักษาให้หายขาดจากโรคเอดส์ได้

ตัวเรามีวิธีการป้องกันและปฏิบัติตนดังนี้

1.             ไม่สำส่อนทางเพศ
2.             ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
3.             การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
4.             รักเดียว  ใจเดียว
5.             ก่อนมีบุตรควรตรวจร่างกาย  ตรวจเลือด และขอคำปรึกษาเรื่องโรคเอดส์จากแพทย์ก่อน
วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการติดต่อของโรคเอดส์
2.เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนให้รอดพ้นจากโรคเอดส์
3.เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ให้แก่ผู้อื่นได้



2.      ขอบเขตการศึกษา
ในการศึกษาค้นคว้าโครงงานสุขศึกษาเรื่องมารู้จักโรคเอดส์กันเถอะ       ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3   โรงเรียนวัดพวงนิมิต    สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้วเขต 1   ขอบเขตด้านเนื้อหา
เนื้อหาที่ใช้ทำโครงงานนี้เป็นเรื่องที่เรียนในมัธยมศึกษาปีที่ 3
ขอบเขตด้านประชากร    นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนวัดพวงนิมิต   สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว  เขต 1   ขอบเขตด้านระยะเวลาที่ใช้ การทำโครงงานครั้งนี้ดำเนินการในภาคเรียนที่ 1ปีการศึกษา 2556

  3. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.เพื่อศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการติดต่อของโรคเอดส์
2.เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนให้รอดพ้นจากโรคเอดส์
3.เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ให้แก่ผู้อื่นได้








บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
โรคเอดส์ในวัยรุ่น
สาเหตุ   เกิดจากเชื้อ เอชไอวี ซึ่งเป็นไวรัสชนิดใหม่ เพิ่งมีการเพาะเลี้ยงแยกเชื้อได้ในปี พ.ศ. 2526 เชื้อนี้ มีมากในเลือด น้ำเชื้ออสุจิ และน้ำเมือกในช่องคลอดของผู้ติดเชื้อ จึงสามารถแพร่เชื้อได้โดย
1.
   ทางเพศสัมพันธ์ ทั้งต่างเพศและเพศเดียวกัน (ในชายรักร่วมเพศ, เกย์)
2.  ทางเลือด เช่น การได้รับการถ่ายเลือด
, การปลูกถ่ายอวัยวะที่มีเชื้อ, การแปดเปื้อนผลิตภัณฑ์ จากเลือด, การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เป็นต้นส่วนการใช้ของมีคม (เช่นใบมีดโกน ที่ตัดเล็บ) ร่วมกับ ผู้ติดเชื้อ การสักการเจาะหู อาจมีโอกาสแปดเปื้อนเลือดที่มีเชื้อได้ แต่จะมีโอกาสติด              โรคได้ ก็ต่อ เมื่อมีแผลเปิด และปริมาณเลือด หรือน้ำเหลืองที่เข้าไปใน
ร่างกายมีจำนวนมากพอ
3.
 การติดต่อจากมารดาที่มีเชื้อสู่ทารก ตั้งแต่ระยะอยู่ในครรภ์ ระยะคลอด และระยะเลี้ยงดูหลัง คลอด โอกาสที่ทารกจะติดเชื้อจากมารดา ประมาณ20-50% จากการศึกษาในประเทศต่าง ๆ เท่าที่ผ่านมา ไม่พบว่ามีการติดต่อเกิดขึ้น
ติดต่อโดย
การหายใจ ไอ จามรดกันการกินอาหาร และดื่มน้ำร่วมกันการว่ายน้ำในสระ หรือเล่นกีฬาร่วมกัน
– การใช้ห้องน้ำร่วมกัน
การอยู่ในห้องเรียน ห้องทำงาน ยานพาหนะ หรือการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อการสัมผัส โอบกอดการใช้ครัว ภาชนะเครื่องครัว จาน แก้ว หรือผ้าเช็ดตัวร่วมกันการใช้โทรศัพท์ร่วมกัน
– การถูกยุง หรือแมลงกัด
เชื้อเอชไอวีเมื่อเข้าสู่ร่างกาย ก็จะมีการเพิ่มจำนวน สามารถแยกเชื้อไวรัสหรือตรวจพบแอนติเจนได้หลังติดเชื้อ 2
6 สัปดาห์ และจะตรวจพบแอนติบอดีได้ หลังติดเชื้อ 3 12 สัปดาห์ผู้ที่มีเลือดบวก (มีแอนติบอดี) 90% จะมีเชื้อเอชไอวีในกระแสเลือด ซึ่งสามารถแพร่โรคให้ผู้อื่นได้ แม้จะไม่มีอาการอะไรเลยก็ตาม
ลักษณะอาการ  เนื่องจากผู้ติดเชื้อเอชไอวีจะมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายแตกต่างกันไป สุดแล้วแต่จำนวนของ เชื้อ และระดับภูมิต้านทานของร่างกาย ดังนั้นโรคนี้จึงสามารถแบ่งออกเป็น 4 ระยะด้วยกันดังนี้
1.
 ระยะแรกเริ่มของการติดเชื้อเอชไอวี ระยะนี้นับตั้งแต่เริ่มติดเชื้อเอชไอวี จนกระทั่งร่างกายเริ่มสร้างแอนติบอดี กินเวลาประมาณ 1-6 สัปดาห์หลังติดเชื้อ ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว มีผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโต บางคน อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว หรือ มีฝ้าขาวในช่องปาก อาการเหล่านี้มักจะเป็นอยู่ 1-2 สัปดาห์
แล้วหายไปได้เอง เนื่องจากอาการคล้ายกับไข้หวัดไข้หวัดใหญ่หรือไข้ทั่วๆไป ผู้ป่วยอาจ ซื้อยารักษาเอง หรือเมื่อไปพบแพทย์ก็อาจไม่ได้รับการตรวจเลือด จึงไม่ได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่ในระยะนี้ ผู้ติดเชื้อประมาณ 30-50%อาจไม่มีอาการดังกล่าวเลยก็ได้
2.  ระยะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ ผู้ติดเชื้อจะแข็งแรงเป็นปกติเหมือนคนทั่วไป แต่การตรวจเลือดจะ พบเชื้อเอชไอวี และแอนติบอดีต่อเชื้อชนิดนี้ และสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ เรียกว่า เป็น
พาหะ ของโรค ระยะนี้มักเป็นอยู่นาน 5-10 ปี บางคนอาจนานกว่า 15 ปี
3.
 ระยะติดเชื้อที่มีอาการ ระยะนี้แต่ก่อนเรียกว่า ระยะที่มี     อาการสัมพันธ์กับเอดส์มักจะมีอาการคล้ายโรค
อื่น ๆ จนไม่ได้เฉลียวใจว่าเป็นเอดส์ก็ได้ อาจพบ อาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ในระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน
มีไข้เกิน 37.8 ํ ซ. เป็นพัก ๆ หรือติดต่อกันทุกวันท้องเดินเรื้อรัง หรืออุจจาระร่วงเรื้อรัง
– น้ำหนักลดเกิน 10% ของน้ำหนักตัว
ต่อมน้ำเหลืองโตมากกว่า 1 แห่งในบริเวณที่ไม่ติดต่อกันเชื้อราในปากฝ้าขาว ในช่องปากจากเชื้อไวรัสเอปสไตน์บาร์ มักอยู่ที่ด้านข้างของลิ้นมี ลักษณะเป็นฝ้า คล้ายโรคเชื้อราแต่ขูดไม่ออกโรคงูสวัด
4.  ระยะป่วยเป็นเอดส์ ระยะนี้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยเสื่อมเต็มที่ เป็นผลให้เชื้อโรคต่างๆ เช่น เชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย  โปรโตซัว วัณโรค เป็นต้น ทำ
  ฉวยโอกาสเข้ารุมเร้า เรียกว่า โรคติดเชื้อฉวย โอกาสซึ่งส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อที่รักษาค่อนข้างยาก และอาจติดเชื้อชนิดเดิมซ้ำอย่างเดียว หรือติดเชื้อชนิดใหม่ หรือติดเชื้อหลายชนิดร่วมกัน ทำให้เกิดวัณโรค ปอด, ปอดอักเสบ, สมองอักเสบ , เยื่อหุ้มสมองอักเสบ การติดเชื้อของระบบทางเดินอาหาร (เจ็บคอ กลืนลำบาก ท้องเดิน)
เป็นต้น       ผู้ป่วยเอดส์ยังมีโอกาสเป็นมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งของหลอดเลือดที่เรียกว่า เห็นเป็นตุ่ม หรือผื่นสีม่วงที่ผิวหนัง หรือเกิดที่ต่อมน้ำเหลืองภายในช่องปาก หรืออวัยวะภายใน ก็ได้
, มะเร็ง8ต่อมน้ำเหลือง ในสมอง เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ป่วยยังอาจมีความผิดปกติของสมองที่เรียกว่า AIDS dementia complex (ADC)   ทำให้มีอาการทางจิตประสาท ความจำเสื่อม หลงลืมง่าย ไม่มีสมาธิ ซึมเศร้า คลุ้มคลั่ง เป็นต้น บางคนอาจมีอาการแขนขาชา อัมพาต ชักกระตุกได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น